pic of day

pic of day

วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ทำไมเราจึงยังควรใช้มิเตอร์วัดแสง (ถ้ามีให้ใช้)

หลังๆนี่ผมก็ไปออกทริปกะเขาบ้าง นอกรอบ ก็เหมือนย้อนวันเก่าๆที่ ไปเดินเที่ยวถ่ายรูป ไปขัดสนิมบางเรื่อง ไปลองวิชาบางอย่าง ไปลองอะไรที่เราอยากลอง เพราะการไปเที่ยวถ่ายรูปแบบนี้ คือ สนามฝึก สนามลอง ไม่เสียหาย ไม่เครียด
พอลองไปถ่ายแสงธรรมชาติล้วนๆ ก็เริ่มเห็นละครับ ว่า เออ ปัญหาอะไรต่างๆที่ไม่ค่อยเจอในสตูดิโอ หรือ ถ่ายงาน ไม่ค่อยเจอ ก็เกิดขึ้น เช่น การถือกล้องได้ไม่นิ่งพอ โฟกัสไม่เข้าเป้า เปีะ หรือ การแก้ไขสถานการณ์ข้างหน้า (ไปถ่ายรูปที่สาธารณะ อะไรก็เกิดได้ รวมถึง สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา)

อันหนึ่งที่ผมมาดูรูปหลังกลับบ้านก็คือ ระบบวัดแสงของกล้อง ที่ผมก็คิดว่า กล้องสมัยใหม่ มันฉลาดจะตายไป ใช้ตามที่กล้องวัดก็น่าจะโอ นะ จริงๆ ต้องบอกว่า ทั่วไปมันก็โอ แหละครับ แต่บางทีมันก็ไม่โอ สักเท่าไหร่ ผมพบว่า บางสถานการณ์ มันก็วัดแสง อันเดอร์ เอาเรื่องเหมือนกัน คือ อันเดอร์ราวๆ 1 สต๊อป

ทีนี้ บางซีน เราก็ตัดสินใจยากว่า จะชดเชย เท่าไหร่ เพราะมันมีสีมาเกี่ยวข้อง อย่างตัวอย่างภาพนี้ ถ่ายที่บ้าน ในร่ม

จะเห็นว่า 3 ภาพแรก เป็นการถ่ายด้วยโหมด A วัดแสงแบบ Evaluative จากกล้องเลย จะเห็นว่า มันอันเดอร์อยู่พอควร



ถ้าดูภาพเต็ม (ขอให้ดูฮีสโตรแกรมประกอบ) จะได้ภาพดังนี้




ผมมาดู ฮีสโตรแกรม ก็จะเห็นว่า มันยังอันเดอร์อยู่พอควร เลยลองเอา มิเตอร์วัดแสง มาวัด ผลที่ได้จะเป็นแบบนี้



ซึ่งเป็นการตั้งค่าให้ได้ตามมิเตอร์ดังนี้




ดังนั้นจะเห็นว่า บางครั้ง การวัดแสงจากกล้องโดยตรง ก็ยังคงไม่น่าไว้วางใจ ถ้าคุณมีมิเตอร์วัดแสง ก็ควรใช้มันให้เกิดประโยชน์ (มิเตอร์รุ่นสู่งๆ ให้ประโยชน์สูงมาก ถึงขั้น รู้ เรโช ที่จะถ่ายกันเลย ว่า ด้านไหน มากหรือน้อยกว่า ด้านไหน กี่สต๊อป)
แต่ถ้าไม่มี ทางหนึ่งที่ทำได้คือ ดู ฮีสโตรแกรม ว่า มันพอดีหรือยัง มีการ Over ของไฮไลท์หรือไม่ ถ้ามี (ในส่วนที่เราให้ความสำคัญ) ก็ปรับแก้ซะ อย่างน้อยไปทำต่อใน โฟโตชอป คุณก็จะได้ไม่ปวดหัวกับ น๊อยส์ ที่จะเกิด เวลาดึงภาพให้สว่างขึ้นครับ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น